หลังจากที่เจรจากันเป็นเวลายาวนาน สำหรับการเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของ Tesco Lotus โดย CP  ผลปรากฏว่า CP ได้ชนะการประมูลซื้อกิจการไปที่ 10,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (336,400 ล้านบาท) ซึ่งการเจรจาซื้อควบธุรกิจในครั้งนี้หากสำเร็จไปได้ด้วยดีจะทำให้ CP ถือหุ้น Lotus ประเทศไทยในสัดส่วนถึง 86.9% และใน Malaysia 100% เป็นที่น่าจับตามองว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งในการผูกขาดทางตลาดหรือไม่มาดูรายละเอียดกัน

            CP หรือ บริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ เราเองคงจะเห็นกันตามตลาดอย่างคุ้นตาทั้งในธุรกิจขายอาหารอย่าง CPF และธุรกิจค้าปลีกก็มี CP All ที่เป็นเจ้าของทั้ง 7-Eleven, Makro และยังมีอื่นๆอีกมายมายการเข้าซื้อหุ้นTesco ทั้งในไทยและ มาเลเซียจึงเป็นเรื่องที่ถือว่ามีผลกระทบต่อวงการตลาดมากพอสมควร เพราะ Tesco ในบ้านเราเองนั้นก็ได้ปักหลักในธุรกิจค้าปลีกอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะตัวเลขในการประมูลซื้อธุรกิจในครั้งนี้กลับสูงลิบลิ่วเรียกได้ว่าประมูลชนะคู่แข็งเสียอยู่หมัด การประมูลซื้อ Tesco ในครั้งนี้มี 2บริษัทยักษ์ใหญ่เป็นตัวเต็งในการเข้าซื้อคือ

  1. CP
  2. BJC

แต่กลับเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่า ราคาหุ้น CP All กลับดิ่งลงไปเกือบๆ 10% (จาก 69.25บาทต่อหน่วยเป็น 63.75บาท) ทั้งนี้อาจจะเป็นผลพวงที่เกิดจากการเข้าซื้อประเภทธุรกิจเดียวกัน หรือมูลค่าการประมูลที่สูงลิบลิ่วจนผู้ลงทุนอาจจะสงสัยได้ว่า เงินทุนสำหรับการประมูลน่าจะมาจากการกู้เงิน ทั้งนี้บริษัท Tesco ได้ประกาศประมูลขายกิจการเพื่อแก้ปัญหาทางหนี้สิน ผลพวงกระทบจากเศรษฐกิจลดถอยอยู่แล้ว จึงดูไม่น่าแปลกใจที่ราคาหุ้นจะตกลง

            อย่างไรก็ตามการเข้าซื้อ Tesco ในครั้งนี้ยังจะต้องรอการพิจารณาของผู้ถือหุ้น Tesco UK เสียก่อนในบ้านเราก็ยังมี สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าที่ต้องเข้ามาตรวจสอบว่าเป็นการผูกขาดหรือไม่ และยังต้องได้รับอนุญาตจาก กรมคุ้มครองผู้บริโภคของทางมาเลเซียอีก เรียกได้ว่าด่านเยอะพ่อสมควรเลยทีเดียว โดยที่ขั้นตอนทั้งหมดนี้คาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในช่วงเวลาสิ้นปี 2563

            แต่ในมุมมองของนักเล่นหุ้นส่วนใหญ่ในไทยกลับมองว่าการเข้าซื้อครั้งนี้เป็นผลบวกต่อบริษัทเครือ CP เพราะเดิมทีบริษัท CP ก็เป็นเจ้าของ Makro ที่เจาะตลาดค้าส่ง, 7-Eleven ที่เจาะตลาดค้าปลีกแบบสะดวกซื้อ การที่ได้ Tescoเข้ามาเปิดตลาดค้าปลีกโดยตรงให้กว้างขึ้นก็เหมือนกับการเสริมแกร่งของทั้ง3กองทัพ สุดท้ายนี้ “เจ้าสัวธนินท์” ยังให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเข้าซื้อครั้งนี้อีกว่าตนเองมีเป้าหมายว่าจะทำให้เกิดการกำไรมากกว่าเดิม 2 เท่าตัวอย่างแน่นอน การเข้าซื้อครั้งนี้จะมีผลมติออกมาเป็นอย่างไรต้องคอยติดตามกันต่อไป

Share:

administrator